อิสระภาพใต้หว่างขา

ในห้องเรียนริมนาข้าวเขียวขจี พวกเรามีโอกาสได้เรียนรู้ จากพี่อวยพร เขื่อนแก้ว ซึ่งพลิกมุมมองเรื่องตำแหน่งแห่งที่ของตัวเรา ในสังคมอย่างมาก แล้วยังจะเปิดโลกทัศน์ ให้กว้างใหญ่ไพศาล ไปสู่ผู้อื่นอีก ช่างเป็นความมหัศจรรย์สำหรับการเรียนรู้ของข้าพเจ้า และเปิดกะลาอีกใบ ที่คลุมครอบจิตวิญญาณความเป็นมนุษย์ไว้ อย่างแยบยล….

เคยไหมที่เราเหยียดหยามใครโดยไม่รู้ตัว….เป็นเพราะเราคิดว่าเราอยู่บนความปกติ
เคยไหมที่เราพยายามจะช่วยบางคน…โดยไม่รู้มาก่อนว่ามันกำลังทำลายบางอย่างอย่างไม่ตั้งใจ
เคยไหมที่เราอ้างที่ยืนในความอ่อนด้อยเพื่อให้ได้รับประโยชน์บางอย่าง
เคยไหมที่มีใครพยายามบอกอะไรบางอย่างแต่เราไม่เคยได้ยินเลย

นาข้าวกำลังตั้งท้อง จักรยาน ภูเขา เงาเมฆ และฉันผู้มาเรียนรู้

บทเรียนเรื่องอำนาจ เพศ และการขับเคลื่อนสังคม….ที่พี่อวยพร สะสมผ่านประสบการณ์ในชีวิต ถ่ายทอดสู่พวกเราด้วยแววตาที่เป็นประกาย หัวใจที่แข็งแกร่ง และมีชีิวิตชีวา….ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเป็นบทเรียนที่ทรงคุณค่าสำหรับชีวิตข้าพเจ้าอย่างมาก และรู้สึกว่าตัวเองต้องการการฝึกฝนอีกไม่น้อยหากยังต้องการทำงานขับเคลื่อนความเป็นธรรมในสังคม

วิถีของการภาวนาเป็นกระบวนการสำคัญในการเตรียมความพร้อมสำหรับพวกเราในการฝึกอบรม….การชักชวนที่เรียบง่าย ไร้ถ้อยคำที่เชื่อมโยงกับศาสนา….ที่ทำให้พวกเราซึ่งมีความหลากหลายทางศาสนาไม่ยากที่จะภาวนา….ช่วยให้เราได้เตรียมพร้อมจะต้อนรับความจริงในระหว่างการเรียนรู้….และส่งท้ายบทเรียน….การรู้สึกถึงกระดูกสันหลังที่ตั้งตรง….ความรู้สึกที่มีเฉพาะมนุษย์…..

เส้นทางอันทอดยาว ชีวิตที่ยาวกว่า

การฟังอย่างลึกซึ้งเป็นสิ่งที่เราจะละเว้นเสียไม่ได้เลยในการเรียนรู้ แต่เราจะรับฟังได้ถึงระดับไหนนั้นการฝึกฝนตัวเองเป็นเรื่องที่ต้องทำกันไป แอบประเมินตัวเองโดยส่วนตัวพึ่งฟังได้ถึงระดับที่ 2 เองค่ะ ซึ่งทำให้เห็นแนวทางการพัฒนาตัวเองในอนาคต….การฟังที่ไม่อาจละวางการภาวนาได้…..

  1. การฟังด้วยหัวใจ listening by heart
  2. การฟังอย่างลึกซึ้่ง Deep listening
  3. การฟังอย่างมีสติ Mindful listening
  4. การฟังด้วยความกรุณา Compassionate listening
  5. การฟังเพื่อเป็นประจักษ์พยาน Bearing witness

การทำความเข้าใจโครงสร้างอำนาจ….เป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อว่าความหลงผิดทำให้คนส่วนใหญ่ใฝ่คว้าอำนาจเหนือ….ขาดการพัฒนาอำนาจภายในตัวเอง….และอำนาจร่วมกลายเป็นจินตนาการของประเทศสารขัณฑ์…..

โดยไม่รู้ตัว…เราต้องการสร้างอำนาจเหนือผู้อื่นโดยไม่รู้ตัว ไม่ว่าจะเป็นการก้าวเข้าไปอยู่ในแหล่งอำนาจต่างๆ เช่น ความรู้ ฐานะ สังคม ฯลฯ และที่สำคัญที่คุณอาจไม่รู้จักอำนาจพวกนี้คือไม่มีทางยั่งยืนและสามารถเปลี่ยนมือได้

โดยไม่รู้ตัว….เราไม่เคยรู้ว่าเรามีอำนาจในตัวเอง…เราใช้มันอย่างไม่รู้จัก….แต่มันเป็นสิ่งที่เราไม่จำเป็นต้องไคว้คว้า ไม่มีทางถูกแย่งชิง และเป็นเรื่องน่ายินดีที่อำนาจแบบนี้ัพัฒนาได้ การทำความรู้จักกับอำนาจภายในทำให้เราเติบโตและเบ่งบาน…..

โดยไม่รู้ตัว…เราใฝ่ฝันถึงอำนาจร่วม…เราจะไม่สามารถดูถูกใครได้ เราไม่สามารถทอดทิ้งใครให้อยู่กับความไม่เป็นธรรมได้….เราจะเห็นทุกคนเป็นมนุษย์เท่ากัน…นี่อาจเป็นเพียงถ้อยคำของนักฝันของปวงประชา….แต่ว่ามันควรเป็นเป้าหมายของนักขับเคลื่อนสังคม….อย่ารีรอ…ที่จะเป็นนักฝันคนกล้า….

ร้อยดวงใจมาพร้อมภักดิ์ ร้อยความรักสู่ผู้คน

Empowerment….ความหมายที่ไม่ธรรมดา….แต่ถูกใช้อย่างกว้างขวางแต่เข้าไม่ถึงจิตวิญญาณของถ้อยคำ…..ความลึกซึ้งของคำไม่ได้อยู่ที่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพียงอย่างเดียว หากแต่เป็นกระบวนการสร้างอำนาจภายใน…โดยไม่ใช้อำนาจเหนือกว่า…..ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการ….พยาบาลเชื่อว่าความรู้ที่มีเหนือกว่าจะทำให้คนไข้และปฏิบัติตาม….ช่างน่าสงสารในความเข้าใจผิดๆมาตลอดชีิวิตการทำงาน……ฉันไม่อาจสร้างใครให้เขาเชื่อว่าเขามีอำนาจภายในตัวเองหากฉันไม่เข้าใจว่าเราต่างเป็นมนุษย์เท่ากัน…..

ผ่านมา 40 กว่าปี…ฉันเชื่ออย่างสุดใจว่ามนุษย์แบ่งได้สองเพศ และทำงานต่าง function แต่ฉันเคารพการเลือกเพศสภาพของแต่ละคน บทเรียนที่บ้านดินสอนฉันว่าแค่นั้นยังไม่พอเพียงกับการอยู่ในสังคมปัจจุบัน เราไม่รู้เลยว่าเราถูกความเป็น gender ครอบครองโลกของเราไว้อย่างเหนียวแน่น…ยอมให้บางอย่างเกิดขึ้นกับคนบางกลุ่มเพราะเราเชื่อว่ามันเป็นธรรมดาโลก…..เรากดขี่คนบางกลุ่มไว้ด้วยความเป็นธรรมดาโลก….

เมื่อเป็นอิสระจากความเป็นเพศ….กรอบใหญ่ที่มันครอบเรามาตั้งแต่ก่อนเกิด….ส่งต่อกันมาหลายพันปี….มันทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกถึงอิสรภาพใต้หว่างขา…..ที่ผ่านมาความพยายามเท่าเทียมด้วยการสวมกางเกง…..เป็นเพียงพฤติกรรมในการทำให้เท่ากัน….วันนี้การสวมผ้าถุงไม่ได้เป็นเรื่องของความเป็นผู้หญิง ความน่าอาย ความระมัดระวัง….แต่มันเป็นอิสรภาพที่เราเลือกเองได้…..กรอบเรื่องเพศไม่ใช่ความเลวร้ายทั้งหมดของโลกนี้เป็นเพียงกลไกหนึ่งที่กดเราไว้ให้เราใช้กดคนอื่นให้พึงตระหนักรู้

กระบวนการทำงานเพื่อความเป็นธรรมในสังคมไม่ใช่ความรู้แช่แข็ง….แต่เป็นศิลปะ….เราไม่อาจใช้มันได้ดีหากเราไม่เข้าใจและผ่านประสบการณ์บางอย่าง…. “การแนะนำหรือคิดให้เขา ทำให้เขาหยุดคิดและพึ่งพิงเรา”…….ด้วยความไม่รู้เราทำงานโดยการให้เขาหยุดคิดเพราะเราได้เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้เขาแล้ว….จึงไม่น่าแปลกใจที่ทำไมเราจึงยื่นปลาให้มากกว่ายื่นเบ็ด….

เราเป็นคนปกติไม่ได้ป่วย เรากำลังต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย

เรื่องนี้ทำให้พวกเราเห็นการขับเคลื่อนสังคมอย่างชาญฉลาด การแสวงหาแหล่งอำนาจเพื่อสร้างความสำเร็จ และการให้ความสำคัญกับผู้ร่วมอุดมการณ์…..ที่เหนือ(beyond)กว่ารสนิยมทางเพศเฉพาะตัว

นักเขียนที่ถูกปลดปล่อย

ครูผู้ไม่ย่อท้อในการนำทางเด็ก ตัวอย่างของการสร้างอำนาจภายในให้กับลูกศิษย์ ความเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนพร้อมจะเรียนรู้ ไม่ควรมีใครสิทธิเหนือหรือพรากความเป็นมนุษย์ของใครได้…..

ความโรแมนติกอยู่ที่ใจนำทาง

ผู้หญิงที่กบฎต่อขนบของสังคมที่เหมือนโซ่ตรวนที่คอยล่ามอิสรภาพของมนุษย์ ความรักที่หักความคิด ความเชื่อ และบันทัดฐานความดีงามของสังคม ความจริงที่เราอาจให้ค่าหรือราคาใครบางคนเพราะเราไม่รู้เลยว่าเราไม่อาจทำเช่นนัันกับใครได้เลย…..

ดูไปปาดน้ำตาไป….

บทเรียนจากหนังสามเรื่องที่กระทบใจ การเรียนรู้ที่ไม่จำกัดอยู่ในตำรา….ความจริงในชีวิตใครบางคนก็เป็นบทเรียนที่ทรงพลัง…..(สามเรื่องนี้สร้างจากเรื่องจริง)……..

หลังจาก 5 วันที่บ้านดิน มีบางอย่างเปลี่ยนแปลง……สิ่งนั้นทำให้เราตัวเล็กลง ใจใหญ่ขึ้นและมีที่ว่างมากขึ้น……โลกของเราขยายขึ้นและเห็นผู้คนอีกมากมาย…..

ขอบคุณเพื่อนๆ ที่เป็นแหล่งการเรียนรู้ที่สำคัญมากๆ เป็นกระจกสะท้อนซึ่งกันและกัน และร่วมฝึกหัดการเป็นนักขับเคลื่อนสังคมที่เข็มแข็งจากฐานราก…..เราจะ Strong…….

เราจะเรียนรู้เพื่อสร้างสรรสังคมที่ดีงาม…..นักสู้เพื่อความเป็นธรรมทางสังคม

หลังจากงานนี้พวกเราได้แรงบันดาลใจในการขับเคลื่อนความเป็นธรรม อยากส่งกำลังใจให้เพื่อนพี่น้องได้ก้าวเดินต่อไป…..หนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล…..

ทางข้างหน้าลางเลือนเหมือนว่างเปล่า
แดดจะเผาผิวผ่องเธอหมองไหม้
ที่ตรงโน้นมีหุบเหวมีเปลวไฟ
ถ้าอ่อนแอจะก้าวไปอย่างไรกัน

อนาคตนั้นช่างคดเคี้ยว
มันลดเลี้ยวเลี้ยวไปใช่สุขสันต์
ยากลำบากใช่เพียงแค่ชั่ววัน
แต่จะต้องฝ่าฟันจนวันตาย

บนหนทางแม้มีสิ่งใดขวาง
ไม่อาจกางกั้นฉันและเธอได้
หนทางนี้สัญญาอย่างมั่นใจ
ด้วยพลังยิ่งใหญ่ในศรัทธา

จะขอฝ่าฟันข้ามความทุกข์ยาก
จะลำบากเราสู้ดูเถิดหนา
จะร่วมแรงร่วมกันด้วยศรัทธา
ทางข้างหน้าสู่ชัยที่หมายปอง

 

Cr. คนแต่งหาไม่เจอแต่อ่านเจอในหนังสือเล่มหนึ่งนานกว่า 20 ปี
Ouyporn Khuankaew Jarayut Suwunchana ด้วยความขอบคุณอย่างสูงค่ะ

Porz NinlapaNt Thamanan Pratoom Sirawat Daengchon และเพื่อนผู้ร่วมเรียนรู้ด้วยความคิดถึงอย่างแรง…..


ที่มา…https://www.facebook.com/notes/kedsuda-suankeow/%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B9%83%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%B2/10153652595815661?__mref=message