คำกล่าวปิดการการอบรม นิเวศภาวนา ณ บ้านหนองเต่า อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่

โดยอาจารย์ประชา หุตานุวัตร วันที่13 พ.ย. 58

เรียบเรียงโดย ศุภธิดา ศิริวงศ์

การเติบโตภายในของคนเรา มีเหตุปัจจัยสำคัญอยู่ 4 อย่าง ที่ขาดไม่ได้

  1. การตัดสินใจเรียนรู้จากการงาน: ในชีวิตจริงเราต้องตัดสินใจ ทำงานทำการ เรื่องชีวิต ถ้าเราเรียนรู้จากโลกภายนอก เรียนรู้จากความทุกข์หมั่นสรุปบทเรียนตนเองอยู่เสมอ ก็จะช่วยให้เกิดการเรียนรู้และเติบโตภายในด้วย
  1. การใคร่ครวญชีวิต: อันนี้สำคัญและจำเป็นมาก การใคร่ครวญ ตรึกตรองชีวิตด้านในของเราเอง การเห็นว่าใจตอนนี้เป็นอย่างไร การเห็นว่าสภาพจิตตอนนี้เป็นอย่างไร รู้จักแยกแยะให้เห็นสภาพใจของเราแต่ละขณะ อันนี้คือ “โยนิโสมนสิการ”
  1. กัลยาณมิตร: ขาดไม่ได้ คือ เพื่อน ชุมชน หมู่มิตร กลุ่มก้อน ที่เรารู้สึกว่าที่นี้เป็นบ้านทางใจของเรา ซึ่งบางครั้งอาจจะเป็นคนในครอบครัว อาจจะเป็นเพื่อนร่วมงาน หรือ อาจจะไม่ใช่เพื่อนที่ร่วมงานด้วยกัน แต่เมื่อเราเจอแล้วเรารู้สึกว่าใช่ ว่านี้คือชุมชนของเรา คนที่ที่เราไม่ต้องเสแสร้ง ไม่ต้องแสดง เราสามารถเป็นตัวของเราได้เต็มที่
  1. สมาธิ ภาวนา ความสงบสุขภายใน: ที่สำคัญมาก ซึ่งคนส่วนใหญ่มักจะขาดกันมาก คือ ความสงบสุข การแสวงหาความสงบจากข้างในลึกๆ แม้เราจะมีความสำเร็จจากหน้าที่การงาน แต่ไม่มีความสำเร็จภายใน เราก็จะดิ้นรน ร้อนรน ตลอดเวลา ไม่ว่างานนั้นจะเป็นงานเพื่อสังคมหรืองานเพื่อส่วนตัวก็ตาม ดังนั้น ความสงบสุขภายในสำคัญมาก ซึ่งจะเกื้อกูลให้ชีวิต เกื้อกูลมิตรภาพ เกื้อกูลการสรุปบทเรียนด้วย การเรียนรู้มันเป็นปัจจัยเกื้อกูลซึ่งกันและกันโดยตลอด

ที่นี้ เราจะรู้ได้อย่างเราว่าเรามีการเติบโตภายใน ซึ่งมีตัวชี้วัดที่สำคัญ ได้แก่

(1) เราเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางน้อยลง เราทำอะไรโดยที่ไม่เอาตัวเองเป็นใหญ่ เราลดการติดยึดในภาพลักษณ์ของตนเอง เราไม่แคร์ว่าคนอื่นจะมองเห็นเราสำคัญ แต่เราพร้อมทำกิจกรรมสำคัญตรงหน้าได้อย่างเต็มที่ โดยที่ไม่สนใจมากนักว่าภาพลักษณ์เราต่อสาธารณะจะเป็นอย่างไร

(2) เราสามารถทำความดีโดยไม่ยึดความดีนั้น ไม่รู้สึกว่ากูดีกว่าคนอื่น คนส่วนมากถ้าทำความดีแล้วจะรู้สึกว่ากูนิดีกว่าคนอื่น เช่น ถ้าเรากินเจก็จะรู้สึกว่าคนไม่กินเจนี้แย่ เราทำงานเพื่อสังคมแล้วรู้สึกว่าเรานี้เหนือกว่ามนุษย์เผ่าอื่นทั้งหมด มันจะลดความรู้เหล่านี้ลงไป เราสามารถทำความดีลับหลังคนได้ง่ายขึ้น อันนี้เป็นความเติบโตภายใน ทำความดีโดยไม่ต้องมีใครมาเห็นเรา

(3) เราจะไม่มีเจตนาทำร้ายคนอื่น เจตนาไม่ดีจะไม่มีโดยธรรมชาติ เราถือศีลโดยธรรมชาติ ไม่ต้องฝื่นใจมาก

(4) เราจะเกิดความมั่นใจแบบอ่อนน้อมถ่อมตัว เราจะมั่นใจจักรวาล เราเชื่อใจธรรมชาติ ในแง่หนึ่งมันเป็นมิติหนึ่งของการกลับไปเป็นเด็กอีกครั้งหนึ่ง เชื่อว่าโลกนี้โอเค เราเดินไปไหนก็ได้ ความมั่นใจมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสำเร็จหรือความล้มเหลวของชีวิต หรือความสำเร็จหรือความความล้มเหลวมันไม่ได้ทำให้เราหวั่นไหวมากนัก

(5) เพราะเหตุปัจจัยเหล่านี้ ช่วยให้เรารู้กาละเทศะ สามารถทำอะไรได้อย่างพอดีๆ กับบุคคล กับชุมชน กับเวลา กับเหตุกับผล ที่เกิดขึ้นในขณะนั้นๆ ซึ่งส่วนนี้มันคิดได้เอง คิดด้วยเหตุผลไม่หรอก มันเป็นความพอดีที่เกิดจาก การที่ ใจ กาย และอารมณ์ของเรา มันเริ่มสมานเป็นองค์รวมหนึ่งเดียวกันแล้ว ความพอดีอันนี้จึงจะเกิดขึ้นได้ และถ้าเราอยู่กับอันนี้ได้นานพอ โดยที่ไม่กลับไปอีก พุทธศาสนาบอกว่า “ชีวิตไม่เป็นโมฆะ” และจะไม่มีทางตกต่ำไปอีก ชีวิตจะไม่ทางลงไปสู่ความเสื่อม

อันนี้ ให้ไว้เพื่อเป็นเครื่องมือให้เราเอาไว้ดูตัวเราเอง ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆ ของการเรียนรู้ด้านใน และหวังพวกเราจะเรียนรู้กันต่อไปนะคะ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้สถิติ

    เก็บข้อมูลการเข้าถึงหน้าต่างๆ ของเว็บไซต์ ช่วงเวลา IP address และอื่นๆ ที่ Google Analytic ใช้ในการวิเคราะห์

บันทึกการตั้งค่า